สรุปสถานการณ์ศัตรูข้าว ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2565
  •   2022-02-04 17:55:00    195     6

สรุปสถานการณ์ศัตรูข้าว ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2565

สรุปรายงานสถานการณ์ศัตรูข้าว กรมการข้าว ระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2565
(รายงาน ณ วันที่  27 มกราคม 2565)


สถานการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล รายงานสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ 27 มกราคม 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 19 มกราคม 2565) พบพื้นที่ระบาด จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ฉะเชิงเทรา และพัทลุง พื้นที่ระบาดจำนวน 159 ไร่ การระบาดเพิ่มขึ้น 37 ไร่

สถานการณ์การระบาดของโรคไหม้ข้าว รายงานสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ไม่พบพื้นที่ระบาดในสัปดาห์นี้

สถานการณ์การระบาดของศัตรูข้าวชนิดอื่น รายงานสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ 27 มกราคม 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 19 มกราคม 2565) พบพื้นที่ระบาดจากการเข้าทำลายของศัตรูข้าว ดังนี้
- การระบาดของหนอนกอข้าว จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร พื้นที่ระบาดจำนวน 74 ไร่ การระบาดเพิ่มขึ้น 74 ไร่
- การระบาดของหนอนห่อใบข้าว จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ สงขลา พื้นที่ระบาดจำนวน 15 ไร่ การระบาดลดลง 45 ไร่
- การระบาดของแมลงบั่ว พบพื้นที่ระบาด 2 จังหวัด คือ นครสวรรค์ และฉะเชิงเทรา พื้นที่ระบาดจำนวน 325 ไร่ การระบาดลดลง 215 ไร่

ข้อมูลเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จากผลการตรวจนับจำนวนตัวเต็มวัยในกับดักแสงไฟของศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่ (ติดตั้งกับดักแสงไฟที่สถานีศูนย์วิจัยข้าว และสถานีดงหลักหมื่น) ศูนย์วิจัยข้าวแพร่ ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท ศูนย์วิจัยข้าวพระนครศรีอยุธยา ศูนย์วิจัยข้าวหนองคาย ศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวร้อยเอ็ด และสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ พบจำนวนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในกับดักแสงไฟไม่ถึงระดับวิกฤต (ระดับวิกฤต คือ 50,000 ตัวต่อคืน)
ข้อมูลโรคไหม้ ในระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2565 รายงานค่าความเสี่ยงของอากาศในการเกิดโรคไหม้จากสถานีเครือข่ายที่มีค่าความเสี่ยงเกินระดับวิกฤต (ค่าวิกฤต คือ 2.25) คือ ศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครสวรรค์ ส่วนศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท ศูนย์วิจัยข้าวปราจีนบุรี ศูนย์วิจัยข้าวนครราชสีมา ศูนย์วิจัยข้าวหนองคาย และศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช มีค่าความเสี่ยงของอากาศในการเกิดโรคไหม้ไม่เกินระดับวิกฤต

การคาดการณ์สภาพภูมิอากาศในสัปดาห์ ในช่วงวันที่ 26 - 27 มกราคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 28 - 29 มกราคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้าหลังจากนั้นในช่วงวันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย

การคาดการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในสัปดาห์หน้า จากผลการตรวจนับจำนวนตัวเต็มวัยในกับดักแสงไฟ ภายใน 2-3 สัปดาห์ ยังไม่พบจำนวนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่เกินระดับวิกฤติ ดังนั้น แนวโน้มในการระบาดอาจพบน้อยหรืออาจพบเป็นบางพื้นที่ที่เคยมีการระบาดเป็นประจำ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุ์ข้าว พฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูข้าวของเกษตรกร การปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น โดยเฉพาะในแปลงที่มีการปลูกข้าวพันธุ์อ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เช่น พันธุ์ปทุมธานี 1 พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 พันธุ์พื้นเมือง เป็นต้น แปลงที่ปลูกข้าวแน่น และใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราที่สูงกว่าคำแนะนำ
ส่วนจังหวัดที่มีการรายงานพื้นที่ระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ชัยนาท ฉะเชิงเทรา และพัทลุง ควรมีการเฝ้าติดตามการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง และสำรวจในพื้นที่ที่ปลูกข้าวอย่างสม่ำเสมอ ในกรณีที่พบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมีปริมาณน้อยกว่า 10 ตัว/กอ หรือยังไม่เกิดการระบาด สามารถใช้เชื้อราบิวเวอเรียควบคุมการระบาด แต่ในกรณีเกิดการระบาด พบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลปริมาณ 10 ตัว/กอ หรือมากกว่า ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมการข้าวอย่างเคร่งครัด (www.ricethailand.go.th; องค์ความรู้เรื่องข้าว)

สารป้องกันกำจัดแมลงที่สามารถใช้ในการควบคุมการระบาด ให้เลือกใช้ตามอายุของข้าว  ได้แก่
    • ข้าวหลังหว่าน ถึงอายุ 40 วัน พบตัวอ่อนระยะที่ 1-2 จำนวนมากว่า 5 ตัว/ต้น ให้ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ได้แก่ บูโพรเฟซิน 10% ดับบลิวพี อัตรา 25 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ บูโพรเฟซิน/ไอโซโพรคาร์บ 5%/20% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยเลือกใช้เพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง
    • ข้าวอายุ 41-60 วัน พบตัวอ่อนสีน้ำตาล และตัวเต็มวัยชนิดปีกสั้น จำนวนมากกว่า 1 ตัว/ต้น ให้ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ได้แก่ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ไพมิโทซิน 50% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยเลือกใช้เพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง
    • ข้าวอายุ 61-80 วัน พบตัวอ่อนสีน้ำตาล และตัวเต็มวัยชนิดปีกสั้น จำนวนมากกว่า 1 ตัว/ต้น ให้ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ได้แก่ ไพรมิโทซิน 50% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยเลือกใช้เพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง
     ในกรณีที่เกิดการระบาดอย่างรุนแรง หรือพบประชากรของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจากกับดักแสงไฟในระดับที่สูงกว่าค่าวิกฤตอย่างมาก (ค่าวิกฤต 50,000 ตัวต่อวัน) สารเคมีป้องกันกำจัดแมลงที่สามารถใช้ในการควบคุมการระบาด คือ สารไพรมิโทซิน 50% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร (เมื่อพบจำนวนมวนเขียวดูดไข่มาก) หรือสารซัลฟอกซาฟลอร์ 50% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 10-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร (เมื่อพบจำนวนมวนเขียวดูดไข่น้อย) โดยเลือกใช้เพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง    

การคาดการณ์การระบาดของโรคไหม้ในสัปดาห์หน้า
โรคไหม้ สภาพอากาศในสัปดาห์หน้าประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย สภาพอากาศอาจมีความเหมาะสมกับการเกิดโรค โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรสำรวจติดตามในพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวพันธุ์อ่อนแอต่อโรค เช่น ขาวดอกมะลิ 105 กข15 กข6 ปทุมธานี 1 เป็นต้น โดยเฉพาะแปลงที่ปลูกข้าวแน่นและใส่ปุ๋ยไนโตรเจนสูง
พื้นที่ที่มีค่าความเสี่ยงของอากาศในการเกิดโรคไหม้เกินระดับวิกฤต ตามสถานีเครือข่ายของกรมการข้าว ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และนครสวรรค์ พื้นที่ในจังหวัดเหล่านี้หรือพื้นที่ใกล้เคียง ควรมีการเฝ้าระวัง และติดตามการระบาดของโรคไหม้อย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่พบโรคไหม้มีอาการรุนแรง หรือพบพื้นที่ใบเสียหายจากการเป็นโรคถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ในข้าวระยะกล้า ถึงแตกกอเต็มที่ และ 5 เปอร์เซ็นต์ ในข้าวระยะตั้งท้อง หรือพบแผลโรคไหม้ที่ใบธง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมการข้าวอย่างเคร่งครัดในการควบคุมด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไตรไซคลาโซล (ควรใช้เฉพาะในระยะกล้าถึงแตกกอ) คาซูกาไมซิน ไอโซโปรไธโอเลน คาร์เบนดาซิม* โพรคลอราช* ตามอัตราที่ระบุ (*ใช้ด้วยความระมัดระวังเพราะเป็นสารขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ)




  • bytes